นิสัยที่ทำให้เราร่วมงานได้กับคนทุกประเทศทั่วโลก | ผิงผิง วรเกตุ ตั้งสืบกุล

ต่างพื้นที่ ต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา ต่างพ่อ ต่างแม่ 

ปรับตัวอย่างไรบนความต่างเหล่านี้ ให้ทำงานร่วมกันได้สำเร็จ 

กับผิงผิง วรเกตุ ตั้งสืบกุล 

CEO องค์กร Nonprofit อย่าง World Peace Initiative Foundation 

ที่มีอาสาสมัครกระจายอยู่ทั่วโลก

หัวใจหลักที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ

เริ่มต้นต้องมี passion ก่อน ทำอะไรก็ได้ แต่ให้รักในทุกอย่างที่เราทำ

คือ สามารถสร้างความรักตรงนั้นให้เกิดขึ้นได้

พอเรามี passion รักในสิ่งที่ทำ ขั้นต่อไป

ตั้งใจทำ มีจิตจดจ่อในการทำเต็มที่ มุ่งมั่นทำ ขยันทำ ทำตลอดเวลา เหมือนว่าเราอินมาก ตื่นเช้าก็นึกถึงเรื่องนี้เลย

มีการประเมินผล พิจารณาว่าที่ทำไปแล้ว มันดีไหม จะหาทางแก้ไขให้มันดีขึ้นได้อย่างไร

การทำงานเพื่อสังคม ช่วยเปลี่ยนมุมมองหรือว่าสอนอะไร

ไม่ได้เริ่มต้นจากการที่อยากจะทำงานเพื่อสังคม คิดว่าเราแค่อยากแบ่งปันอะไรบางอย่าง ที่เรามี แล้วทุกคนได้ประโยชน์

การทำงานเพื่อสังคม ต้องมีใจเรื่องของ Empathy (ความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น) เป็นจุดเบื้องต้น ซึ่งมันจะช่วยนำไปสู่ความรู้สึกว่า ต้องแบ่งปันอะไรบางอย่าง และทำให้เกิดการให้โดยอัตโนมัติ ทำให้การช่วยเหลือสังคมเกิดขึ้น 

โดยที่เป็นกระบวนการของการทำงาน ในวงการธุรกิจในวงการต่าง ๆ

ไม่จำเป็นต้องคิดว่า เราจะต้องมาทำงานเพื่อสังคม ต้องแบ่งเวลามาคิด

การช่วยเหลือพนักงาน ถือว่าเป็นทางอ้อมในการช่วยสังคมด้วยเหมือนกัน

หรือเราปลูกฝังพนักงานให้มีจิตสาธารณะ ถ้าทุกคนมีใจในการที่จะช่วยทุกคนตลอดเวลา เดี๋ยวมันจะเกิดการทำงานร่วมกันได้ ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

ความแตกต่างของการทำงานระหว่างคนไทยกับฝรั่ง

Mindset ของคนไทยก็แบบหนึ่ง Mindset ของฝรั่งก็แบบหนึ่ง 

แต่ละคนก็มีแนวทาง มีทัศนคติที่แตกต่างกัน

ถ้าเกิดว่าเรามีเป้าหมายเดียวกัน ทุกคนก็สามารถปรับตัวเอง ให้ไปสู่จุดหมายปลายทางตรงนั้นได้

สำหรับคนไทย ข้อดีที่เห็นชัด ๆ อาจจะเป็นเรื่องของความว่าง่าย

แล้วก็อ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งทำให้บางครั้งขาดความมั่นใจ ขาดความกล้าแสดงออก

ในขณะที่ฝรั่ง เขาอาจจะกล้ามากกว่า ที่จะแสดงความคิดเห็น มีความมั่นใจในตัวเองมากกว่าคนไทย หรือเราก็ไม่รู้หรอกว่า ใครมั่นใจมากกว่า แต่ด้วยสังคมที่เขาหล่อหลอมมา ทำให้เขากล้าที่จะแสดงออกตรงนั้น

เพชรของทุกทวีป จะมี Character เดียวกัน

เบื้องต้นคือ

  1. วินัย ในตัวเอง
  2. ความอดทน มีบางคนพูดว่า ไม่ต้องอดทนหรอก ถ้าเราไม่ชอบเราก็เปลี่ยน ต้องทำงานแบบแฮปปี้สิ

“ความอดทนสามารถประกอบด้วยความเข้าใจได้ และมันสามารถทำให้เราอดทนได้มากขึ้น ความอดทนตรงนี้ ต้องมีเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น Soft Skills หรือ Hard Skills ถ้าไม่มีความอดทนก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ”

  1. ความเคารพ เคารพในการศึกษา เคารพครูบาอาจารย์ เคารพคนที่ให้ความรู้เรา

คุณภาพของคน ส่งผลให้องค์กรขยายไปทั่วโลก

คุณภาพของคนในองค์กรจะเป็นตัวผลักดัน ที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ มีทั้งคนเก่งและดี มีทั้ง 2 แบบ ก็คือ Hard Skills แล้วก็ Soft skill 

คือ คนที่อยากจะฝึกตัวเอง อยากจะปรับปรุงตัวเองตลอดเวลา รักที่จะมองตัวเอง ค้นหาตนเองตลอดเวลา พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นคนอื่น

อีกอย่างนึงที่เราเน้นในองค์กรของเรา คือการทำงานเป็นทีม

เลือกทีมงานจาก...

เราเน้นคนที่ใจสู้ งานจะหนักแค่ไหน หรืองานจะมีความหลากหลายแค่ไหน

ในการเปลี่ยนแปลง เขาพร้อมที่จะทุ่มลงไป สู้กับมัน 

คนลักษณะเหล่านี้ จะเติบโตกับเราได้ดี

เพราะว่างานของเรา มันมีการเปลี่ยนแปลงสูง 

ด้วยสภาพสังคมปัจจุบันนี้ด้วย

จุดแข็ง จุดอ่อนของเด็ก Generation ใหม่

เรื่องของ Creativity มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าลองผิดลองถูก

หลาย ๆ คน ค่อนข้างกล้า ถึงได้มี Startup เกิดขึ้นมากมาย

เพราะคนกล้า ที่จะลองทำตามฝันของเขา 

จุดอ่อน น่าจะเป็นเรื่องความอดทน บางครั้งยังทำไม่สุดตรงนั้นเลย ก็คิดว่าไม่ไหวแล้ว ไม่ทำดีกว่า ไม่ชอบทำงานหนัก

วิธีรับมือกับเด็ก Generation ใหม่

ปัจจุบันนี้ก็ต้องพยายามทำให้เขาเข้าใจก่อนว่า ถ้าเขาทำอะไรเต็มที่จริง ๆ ให้มันสุด เขาจะได้อะไร ได้พัฒนาสกิล พัฒนาคุณธรรมอะไรบ้าง

ทุก ๆ คน อยากจะให้ตัวเองประสบความสำเร็จ

อยากให้ตัวเองมีความสุขทั้งนั้น

ขอแค่เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำ มันจะนำไปสู่จุดหมายได้อย่างไร

ถ้าเราทำให้เขารู้ได้ชัด ๆ เขาก็จะอยากพัฒนาไปถึงจุดนั้น

เด็กยุคใหม่ชอบเปลี่ยนงานบ่อย ๆ

เราก็ต้องให้ในสิ่งที่เขาก็อยากได้ด้วย เช่น โอกาสดี ๆ ที่เขารู้สึกว่า

อยู่ที่นี่แล้วได้มีโอกาสหลากหลาย แล้วก็ชอบในสิ่งนั้นด้วย

หลาย ๆ ครั้ง เราก็จะปลูกฝังเรื่องของการเป็นผู้ให้ด้วย อยู่ที่นี่คุณก็จะได้ส่วนในการให้สังคมหลาย ๆ อย่าง กับหลาย ๆ คน เขาก็จะชอบในสิ่งเหล่านั้น มันก็จะอยู่ด้วยกันได้ แต่ว่าถ้าเขาจะไปจริง ๆ แล้วเขามีโอกาสที่ดีกว่านี้มาก ๆ แน่นอน เราก็ยินดี ไม่มีปัญหาค่ะ

ก้าวผ่านความเหนื่อย ท้อ ด้วยกำลังใจจาก ‘ตัวเอง’

ถามตัวเองก่อนว่า เราทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร เป้าหมายคืออะไร

ทำไมต้องทำ ประโยชน์ที่ได้รับคืออะไร

พอถามตรงนั้นปุ๊บ เรามีเป้าหมายชัด

เพราะเรามีอุดมการณ์ในการทำงานอยู่แล้ว มันเกิดกำลังใจ

ไม่ต้องไปหากำลังใจจากคนอื่น แต่กำลังใจเกิดขึ้นจากตัวเราเอง

มันสามารถสร้างได้ ทำให้เราสามารถก้าวข้ามตรงนั้นได้

ด้วยการฝึกสมาธิเป็นประจำ ทำให้เราอาจจะก้าวข้ามง่ายกว่าคนอื่นนิดนึง

หลับตา นิ่ง ๆ พอใจนิ่ง แล้วมันจะทำให้เกิดพลังใจ เกิดกำลังใจขึ้นมา

การทำสมาธิไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการ

การทำสมาธิ เบื้องต้นต้องถามก่อนว่า ทำเพราะอะไร

ที่พี่ผิงทำสมาธิเพราะ ต้องการเรียนเก่งขึ้น ตอนนั้นนะ แล้วเราต้องการได้ท็อป พอเราต้องการอย่างนั้นแล้ว เครื่องมือที่ทำให้เราไปสู่ตรงนั้น ที่บ้านเราบอกว่าต้องทำสมาธิ

พอเห็นประโยชน์ เราก็ลอง พอเราเริ่มพิสูจน์ให้ตัวเองเห็นว่า มันทำให้เราดีขึ้นจริง ๆ เราก็ keep on ทำให้เกิดความมุ่งมั่น ทำไปเรื่อย ๆ 

“ไม่ต้องพูดว่ากี่นาที ไม่เกี่ยวกับเวลา ไม่ได้เกี่ยวกับวิธีการเลย 

เห็นก่อนว่ามันสำคัญ มันได้ประโยชน์อะไร”

สมาธิทำให้เห็นตัวเองในมุมที่เปลี่ยนไป

สมาธิเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องของความคิด

การกระทำของเราทุกๆ ด้าน

จะค่อย ๆ เปลี่ยน มันไม่ได้เปลี่ยนข้ามวัน 

การที่ขยันทำสมาธิเรื่อย ๆ สม่ำเสมอ ก็จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงตรงนั้น

สมาธิทำให้เกิดองค์กรที่ชื่อ WPI 

World Peace Initiative Foundation

เกิดขึ้นในปีพ.ศ. 2553 ตอนนั้นเราก็ยังเป็นองค์กรที่เล็กมากๆ

ทำเรื่องของการพัฒนาตนเองในองค์รวม ซึ่งสมาธิเป็นหนึ่งในเครื่องมือตรงนี้ด้วย เป็นลักษณะของ Online Platform เพื่อที่จะให้เข้าสู่คนทุกวัย ทุกภาษา ทุกศาสนา ที่รักในการพัฒนาตนเอง

ทีมงานไทยกับต่างประเทศ รวมๆ แล้วน่าจะประมาณ 40 คน

จากประมาณ 20 กว่าประเทศ 

มีทั้ง Full Time / Part Time ส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในพื้นที่ ทั่วโลก

นิสัยอันตรายที่สุดสำหรับพี่ผิงคืออะไร

ความประมาท บางครั้งเรื่องที่ทำเป็นประจำ

เราอาจจะลืมเช็ครายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ 

ที่จะทำให้เกิดความผิดพลาดได้ เหมือนกับว่า

“ความประมาท เป็นหนทางแห่งความตาย”

วิชาเกลานิสัย ที่อยากจะสอน

‘การเอาใจเขา มาใส่ใจเรา’

To be in someone should.

หมายถึง ลองไปเป็นเขา ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร 

ทำความเข้าใจคน มันจะลดเรื่องของความเห็นแก่ตัวลงไปได้เยอะ

การที่ไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น

ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะกลายเป็นคนไม่ยอมรับกฎระเบียบบางอย่าง

ที่ทำให้สังคมอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

การเห็นอกเห็นใจคนอื่น ฝึกได้

ใจของเราเนี่ย เป็นจุดที่สำคัญมาก ๆ

ที่จะทำให้เกิดความเข้าใจตรงนี้ 

ถ้าเกิดว่า ใจของเรา มีความสุข มีความสบาย นิ่ง ๆ ใส ๆ

เราก็จะมองเห็นคนอื่นได้มากขึ้น 

นอกจากสมาธิทำให้เรามองเห็นตัวเอง มันทำให้มองเห็นคนอื่นด้วย

พอมองเห็นคนอื่น เราก็จะเห็นใจเขาไง

เห็นอก เห็นใจ เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง

มันเป็นผลพลอยได้ ของการฝึกใจ ทำให้มีคุณภาพมากขึ้น

ทำไมเราไม่ควรเปลี่ยนนิสัยคนอื่น แต่ว่าเราควรเริ่มที่ตัวเอง

ทุกอย่างมันเริ่มที่ตัวเราอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่าเราไปคาดหวังว่าเราต้องเปลี่ยนเขาถ้าเขาย้อนกลับมาถามเราว่า ‘อ้าว แล้วทำไมคุณยังไม่เปลี่ยน’

เราเริ่มทุกอย่างที่ตัวเอง แก้ที่ตัวเองดีกว่า ที่จะไปคาดหวังตัวเขา

เราทำตัวเรานี่แหละ ให้เป็นตัวอย่าง ให้เขาเห็น

นิสัยแบบนี้ดี ทำแบบนี้แล้วมันเวิร์ค มีความสุขเพิ่มขึ้น เจริญมากขึ้น ทุกอย่างดีหมดเลย ทุกคนก็จะทำตาม

 

ร่วมสนับสนุนโครงการเกลา 🥺 ให้อยู่คู่สังคมไทยได้อย่างยั่งยืน

กด Subscribe 👉🏻 https://bit.ly/3u5JvVI เพื่อเป็นกำลังใจและสนับสนุนคลิปใหม่ๆ 🔔 กดกระดิ่งแจ้งเตือนคลิปใหม่ๆ ส่งตรงถึงคุณให้ได้รับชมก่อนใคร ติดตาม เกลา นิสัยอันตราย ในโซเชียลอื่นๆ ได้ตามนี้เลยค่ะ
📞 โฆษณาหรือสปอนเซอร์
partner@klao.show
084-645-9656
⭐️ อินฟูเอนเซอร์
info@klao365.org
084-645-9656
🛍️ สั่งซื้อสินค้า
🎁 สนับสนุนโครงการ
💧ธนาคารกรุงไทย 6780224332
ชื่อบัญชี โครงการเกลานิสัยอันตราย โดย น.ส.ปนัดดา ตะโยเค และน.ส.ณัฐณิชา อัศดาสุข
©2017-2021 klao365.org All Rights Reserved.

ติดต่องานโฆษณาหรือสปอนเซอร์เกลา

084-645-9656
sales@klao365.org