ใช้ห้องนอนยังไงให้ใจสตรองตั้งแต่ตื่นยันล้มตัวนอน เกลาบุกบ้านก๊อต Part ห้องนอน

“ห้องนอน” หรือ “บ้านของเรา” เปรียบเสมือน Safe Zone ที่เราสามารถที่จะแสดงความเป็นตัวตนได้เต็มที่ นั่นรวมถึงการปล่อยให้นิสัยเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้นจนสุดท้าย ห้องนอนก็กลายสภาพเป็นสภาพแวดล้อมที่ชวนให้เราเสียนิสัยไปซะแล้ว

ตื่นมาก็ต้องอยู่ในห้องนอน จะนอนก็ต้องเข้าห้องนอน เรียกได้ว่าห้องนอนคือสภาพแวดล้อมที่จะต้องเจอทุกวัน...

หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินแล้วว่า สภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากในการเปลี่ยนเราจากอีกคนนึง ให้กลายเป็นอีกคนนึง ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ห้องนอนของเราจะสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพใจของเราออกมาได้

....ห้องนอนเปลี่ยนตัวเราก็เปลี่ยน

How to เปลี่ยนห้องนอนยังไงให้เปลี่ยนใจให้สตรอง

...ร่างกายที่สมบูรณ์มากจากจิตใจที่สมบูรณ์ จิตใจที่สมบูรณ์มาจากสมาธิที่สมบูรณ์...

“เคยเป็นมั้ย? บรรลุเป้าหมายมาตั้งหลายอย่างแต่กลับไม่มีความสุขเลย...ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่อยากได้มาตลอด ไม่ว่าจะสำเร็จเป้าหมายไปเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเติมเต็มความรู้สึกเราได้เลย เหมือนตักน้ำรดผืนทราย... แทนที่จะมีความสุขกลับวิตกกังวลมากกว่าเดิมเพราะรู้สึกไม่เข้าใจความไม่พอของตัวเอง” – ก๊อต จิรายุ

นั่นเป็นเพราะเราลืมสังเกตตัวเองในทุกวัน ลืมถามว่าตัวเองจริง ๆ แล้วฉันต้องการอะไรกันแน่ เราลืมสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า “สมาธิ” ที่คอยทำให้เราคอยตระหนักถึงตัวเองเสมอ

นั่งสมาธิ = การเข้าใจธรรมชาติ

ยังมีอีกหลายคนที่เข้าใจว่าการนั่งสมาธิเป็นเรื่องของศาสนาที่ชวนเสียเวลา...ซึ่งก็ไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะสังคมไทยมีหลายคนที่ทำให้มันถูกเข้าใจผิดไปในทางนั้น และด้วยปัจจุบันที่โลกนั้นทุกอย่างมันเร็วไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ข่าวสาร การทำงาน มันทำให้กลายเป็นว่าการนั่งนิ่งๆและสังเกตลมหายใจตัวเองเพียงแค่ 10 นาทีเป็นเรื่องเสียเวลา ทำให้ใครหลาย ๆ คนมองข้ามการนั่งสมาธิไป

....ทำไมการนั่งหลับตา และคอยคิดว่าตัวเองกำลังหายใจเข้า หายใจออกถึงทำให้มีสมาธิ...

เหมือนเวลาเราโกรธ เราเศร้า เรามีความสุข... เราไม่เคยรู้ตัว ว่ามันกำลังจะมา รู้ตัวอีกทีก็จากไปแบบน่าเสียดาย หรือจากไปโดยทำร้ายคนรอบข้างแบบไม่รู้ตัว ...เพราะเราไม่รู้ตัวยังไงล่ะ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมนั่งสมาธิเราถึงต้องมานั่งสังเกตตัวเองหายใจ ให้รู้ตัวตลอดเวลาว่าฉันทำอะไรอยู่ ฉันกำลังรู้สึกยังไงกันแน่ การที่เรายิ่งรู้จักว่าตัวเราเป็นยังไงคิดอะไรอยู่กันแน่ รู้สึกอะไรอยู่ แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการหายใจ มันจะช่วยฝึกให้ความฟุ้งซ่านของเราลดลง เหลือเพียงความรู้สึกที่แท้จริงเท่านั้น

ดังนั้นการนั่งสมาธิไม่ใช่เรื่องของศาสนา... แต่เป็นเรื่องของการเข้าใจธรรมชาติของตนเองจากการสังเกตอย่างมีสติและรู้ทัน

ถ้าเรารู้จักตัวเองอย่างแท้จริง... เราก็จะสามารถจัดการตัวเองได้อย่างเหมาะสม 

ดังนั้นคนที่มีความสุขจึงเป็นคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรแล้วลงมือทำ ไม่ใช่คนที่สามารถบรรลุเป้าหมายได้มากมายอะไรทั้งนั้น

เทคนิคของการทำสมาธิ ง่ายๆ ฉบับ พี่ก๊อต

เทคนิคของการทำสมาธินั้นเรียบง่ายมาก นั่นก็คือ การทำใจให้สงบ กับทิ้งอคติลง

จิตใจที่ฟุ้งซ่านมันก็เหมือนหมอก มันจะทำให้เราหลงทางและไขว้เขว บิดเบือนสิ่งที่ใจเราต้องการจริง ๆ จนทำให้เราวิตกกังวล ดังนั้นเราต้องคอยทำให้มันสงบลง

อคติก็เหมือนกัน... ถ้าเราไม่ทิ้งมัน โอบกอดความเชื่อเพียงด้านเดียวที่ไม่รู้ว่าผิดหรือถูก ไม่พร้อมเปิดรับ เราก็ไม่อาจทำสมาธิได้ เพราะสมาธิเป็นการเข้าใจธรรมชาติ ซึ่งธรรมชาตินั้นมีความจริงของมัน เราไม่สามารถใช้อคตินั้นตัดสินได้ ดังนั้น ถ้าต้องการเข้าใจมันต้องก้าวออกมาจากอคติ และเปิดใจยอมรับในสิ่งที่มันเป็น

และสำหรับคนที่คิดว่าไม่สามารถนั่งสมาธิได้นาน ๆ การนั่งสมาธิเป็นกลุ่มอาจจะช่วยให้สามารถมีสมาธิได้มากขึ้น การที่มีคนตั้งใจนั่งสมาธิมานั่งข้าง ๆ อาจจะช่วยให้เราอยากตั้งใจตาม หรือลองสร้างบรรยากาศสงบ ๆ ช่วยดูก็ได้ แต่ที่สำคัญการจะนั่งสมาธิได้นานหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับการฝึกอยู่ดี เพราะช่วงแรก ๆ อาจจะไม่รู้สึกอะไรหรอก บางทีอาจง่วงด้วยซ้ำไป แต่ถ้านั่งไปเรื่อย ๆ จนร่างกายปรับตัว เราก็จะมีสมาธิไปกับตัวเองเอง เช่น ง่วงอยู่นะ กำลังจะหลับแล้วนะ ตอนนี้สงบนะ จนสุดท้ายเราก็จะสามารถนั่งสมาธิได้อย่างมีประสิทธิภาพเอง

การฝึกจิตใจให้สตรองไม่ได้มีแค่นั่งสมาธิเท่านั้น

จิตใจที่สตรอง ต้องมี “วินัย” รู้ว่าฉันต้องทำอะไร ตอนไหน อย่างไร ซึ่งเราสามารถฝึกฝนจิตใจให้มีวินัยได้แม้แต่กับเรื่องง่าย ๆ เช่น จัดการ “ห้องนอน”

คิดเอาละกัน ถ้าตื่นมาให้ห้องนอนที่ขยะเป็นกองภูเขา ของกองจนเหลือทางเดินเหลือคืบเดียว คงให้ความรู้หดหู่ไม่ใช่น้อย...ถึงแม้การจัดห้องนอนจะเป็นเรื่องที่ใคร ๆ มองว่าจะจัดการยังไงก็ได้ แต่การคอยดูแลมันให้ดี และเรียบร้อย คอยทำความสะอาดสม่ำเสมอ ไม่ใช่ผัดวันประกันพรุ่ง ...ถ้าแค่ห้องนอนเรายังขี้เกียจทำความสะอาด แค่อยากทำให้มันสะอาดขึ้นเพื่อให้สภาพแวดล้อมดีขึ้นเรายังทำไม่ได้เลย แล้วงานที่ใหญ่กว่านี้เราจะจัดการได้ยังไง?

ถ้าจัดการเรื่องเล็ก ๆ ไม่ได้ เรื่องใหญ่ ๆ ก็จัดการไม่ได้เช่นกัน

อย่าลืมที่จะฝึกฝนและรู้ทันตัวเองเสมอ เพราะไม่มีใครช่วยให้จิตใจเราเข้มแข็งได้ดีเท่าตัวเราเอง

ทำไมเราไม่เกลาตัวเองก่อนเกลาคนอื่น?

 

ร่วมสนับสนุนโครงการเกลา 🥺 ให้อยู่คู่สังคมไทยได้อย่างยั่งยืน

กด Subscribe 👉🏻 https://bit.ly/3u5JvVI เพื่อเป็นกำลังใจและสนับสนุนคลิปใหม่ๆ 🔔 กดกระดิ่งแจ้งเตือนคลิปใหม่ๆ ส่งตรงถึงคุณให้ได้รับชมก่อนใคร ติดตาม เกลา นิสัยอันตราย ในโซเชียลอื่นๆ ได้ตามนี้เลยค่ะ
📞 โฆษณาหรือสปอนเซอร์
partner@klao.show
084-645-9656
⭐️ อินฟูเอนเซอร์
info@klao365.org
084-645-9656
🛍️ สั่งซื้อสินค้า
🎁 สนับสนุนโครงการ
💧ธนาคารกรุงไทย 6780224332
ชื่อบัญชี โครงการเกลานิสัยอันตราย โดย น.ส.ปนัดดา ตะโยเค และน.ส.ณัฐณิชา อัศดาสุข
©2017-2021 klao365.org All Rights Reserved.

ติดต่องานโฆษณาหรือสปอนเซอร์เกลา

084-645-9656
sales@klao365.org