คลิปเต็ม ๆ คุยกับ เอกวัจน์ สหกิจ ผู้บริหาร Derma Innovation จากนิสัยชอบเก็บเล็กเก็บน้อย จนมาสู่ผู้บริหารที่ถูกยอมรับในระดับประเทศ

ให้คนเก่งทำงานแทน
คนที่มีคุณภาพสามารถที่จะเนรมิต
ตัดสินใจบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายเราให้เราได้
ถ้าเรามี MINDSET (ความคิด) ที่ดี มีเข็มทิศให้เขาได้ดี
เขาจะเติบโตไปยังไง มุ่งไปทางไหน
หรือว่ามี Challenge ให้เขา คนเก่งจะทำงานให้เรา
ยากกว่าการหาเงินคือการบริหารคน เพราะว่าวันนึงเราไม่สามารถที่จะลงไปขายของได้กับคนหนึ่งพันคน
แต่เราสามารถที่จะบริหารควรให้ไปจัดการทุกอย่างเป็นพันคนเป็นแสนคน
เป็นล้านคนได้ ถ้าเราใช้คนเป็น

วิธีการการดูแลคนเก่งในมุมพี่เอก คนเก่งส่วนใหญ่หวังจะอัพเกรดชีวิตต้องมีรางวัลให้
1. เงิน ถ้าให้น้อย ไม่พอใช้ชีวิต เขาก็อาจจะไม่อยู่
หรืออยู่ไม่ยาว จึงต้องมีเงินให้พอสมควร
2. เป้าหมายที่ให้เขาทำมีแค่ไหน ถ้าเป้าหมายชัดเพียงพอแล้ว คุณมีรูทีนของเขาหรือมี Mission ของเขาชัดเจนเพียงพอ
เขาจะทำ Mission ให้สำเร็จโดยวิธีการใดก็ได้ ดังนั้นเขาจะมีอะไรทำทุกวันและเขาจะท้าทายของเขาทุกวัน
3. สวัสดิการแบบแล้วแต่เธอ
ให้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์เลือกได้เลยใน budget นี้
4. ให้อำนาจการตัดสินใจ ถ้าจ้างแพงเป็นคนเก่งมาก แต่ไม่ให้อำนาจการตัดสินใจเลย
กลัวเขาตัดสินใจผิด กลัวเขาทำไม่ได้อย่างใจเรา เขาจะรู้สึกเหมือนอยู่ในกล่องแคบ ๆ
เขาอาจจะต้องตัดสินใจผิดบ้างในช่วงแรก ๆ
ประคับประคองแล้วคอยสอนคอยดูเขาให้เข้าใจขึ้นเรื่อย ๆ
จนวันนึงที่เขารู้เท่าเรา ปั้นคนให้เขาคิดเองเป็น แล้วเขาจะตัดสินใจเทียบเท่าเราได้เลย
ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน
Gen เดียวกันจะได้คุยกันรู้เรื่องและต้องมีเคมีคล้าย ๆ กัน
คนที่มีเคมีคล้าย ๆ กันเวลามอบหมายงาน
ให้แนวคิดหรือให้ Project อะไรบางอย่างไป มันสามารถที่จะ motivation ได้ง่าย
ตั้งแต่สัมภาษณ์ คัดคน ถ้าเคมีไม่ได้ตั้งแต่แรก
เก่งแค่ไหนก็ตาม เราจะไม่เอามาเด็ดขาด
เพราะจะทำให้วัฒนธรรมองค์กรข้างในมันเพี้ยนไปหมด

เด็กไฟแรง เวลาประชุมต้องยกมือ แสดงออกตอนนำเสนอ
ทุกคนกล้าพูดกล้าตัดสินใจหมดเลย
เวลาประชุม ยกมือทุกคน ความกล้าแสดงออกสำคัญมาก
หมายถึงว่าเขาต้องการที่จะนำเสนอ ในแง่มุมบางอย่าง เพื่อที่จะทำให้องค์กรมันดีขึ้น
ลงทุนให้กับการเรียนเฉพาะด้านของพนักงาน
มีโควตาเหมือนเป็น KPI (ดัชนีชี้วัดความสำเร็จ)
ทุกคนจะต้องเรียนปีนึง 2 คอร์ส ที่เกี่ยวกับหน้าที่ของตัวเองหรือหน้าที่ที่ใกล้เคียง
ตั้งแต่พนักงานบัญชีจนถึงพนักงานขับรถ
รักสบายคือนิสัยที่ต้องเกลา
วัยรุ่นหลายคนรักสบาย ถ้าเราสบายขึ้น บางคนมีงานทำ
งานมั่นคงแล้ว รู้สึกสบายขึ้น
ความขี้เกียจหรือความรักสบายของเราในสมัยก่อน
มันจะกลับมา
“งั้นสบายแล้วก็ไม่ต้องขวนขวาย
ไม่ต้องพยายาม ไม่ต้องคิดต่อ อดทนต่อ เหนื่อยต่อ”
แต่ในความเป็นจริงเป็นอย่างนั้นไม่ได้ หยุดไม่ได้
ไม่มีหรอกครับทำวันนี้สบายวันหน้า ต้องขวนขวายอดทนสู้ต่อไปเรื่อย ๆ
เพราะว่าความรับผิดชอบวันนี้กับความรับผิดชอบอีก
10 ปีข้างหน้า มันไม่เท่าเดิม
ถ้าวันนี้เรายังขี้เกียจอยู่ วันนี้เรายังไม่เต็มที่กับอะไรบางอย่างอยู่
ก็ต้องเปลี่ยน เพราะเปลี่ยนจากตัวเอง
เกลาตัวเองจากข้างใน
มันก็จะหล่อหลอมด้วยตัวเราเอง
แล้วทำให้เราเปลี่ยนแปลงเบนเข็มทิศตัวเองได้
อาจจะไม่ใช่วันนี้ แต่อีก 10 ปีข้างหน้ามันจะฟ้องชัดเจน
เรื่องความสำเร็จ ,MINDSET (ความคิด) ,ความสามารถ
และคุณภาพชีวิตของตัวเราต้องทำด้วยตัวเอง
สั่งคนอื่นให้มาเปลี่ยนชีวิตเราไม่ได้
เราไปเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้
เราต้องเปลี่ยนที่ตัวเราเอง
